The Bund (1983)
The Bund (1983) เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เป็นละครทีวียอดนิยมสูงมากจนถึงมีการทำต่อมาอีกหลายเวอร์ชัน ภาพยนตร์ฉบับนี้ใช้ดาราชุดเดียวกับต้นฉบับอันแสนลือลั่น แม้กระนั้นเนื่องจากว่ามันเป็นหนังสร้างฉายโทรทัศน์รวมทั้งเก่ามากมาย ก็จะมีความสะดุดเวลาเปลี่ยนฉากเพราะว่าดนตรีไม่ต่อเนื่อง โปรดัคชันก็มองแห้งแล้งชอบกล หนังเล่าของสี่เหวินเฉียง (โจวเหวินฟะวัย 28) ที่ค่อยๆ ไต่เต้าในแวดวงผู้มีอำนาจในเซี่ยงไฮ้ เขาได้ช่วยท้วงติงลี่ (หลี่เหลียงเหว่ย) เอาไว้ มีความเกี่ยวข้องที่ดีต่อกันแต่ก็จะต้องมามีความขัดแย้งเมื่อทั้งคู่ชอบเพศหญิงคนเดียวกันคือฟ่านฉิงฉิง (แรงวหย่าจือ)ถ้าเป็นคนสมัย 80’s แล้วเอ๋ยถึงสิ่งที่ดู ได้เห็นบนจอโทรทัศน์ สิ่งหนึ่งที่หนีไม่พ้นก็คือ เรื่องราวของละครโทรทัศน์เรื่องต่างๆจากฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของค่ายทีวีบี ที่มีงานคลาสสิคมากให้จดจำ แล้วก็หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ “The Bund”ซึ่งถ้าเกิดบอกเพียงแค่นี้
ผู้คนจำนวนมากก็อาจจะจำไม่ได้ว่า เป็นละครโทรทัศน์เรื่องอะไร แม้กระนั้นหากกลายเป็นชื่อไทย “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” มั่นใจว่าหลายๆคนอาจจะร้องอ้อ และก็มั่นใจว่าคนจำนวนไม่น้อยจากสมัยนั้น ก็คงจะอยากดูละครที่ออกอากาศทางทีวีหัวข้อนี้กันอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะหาชมได้อย่างง่ายดายแต่เนื่องจากโลกวันนี้มีเน็ทฟลิกซ์ ผู้คนจากสมัย 80’s จึงได้โอกาสได้สัมผัสกับ “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” อีกรอบ
แต่ว่าก็จะต้องเห็นด้วยว่าเป็นฉบับที่มิได้สมบูรณ์แบบอะไรเยอะมาก เนื่องจากว่าไม่ได้มีความแตกต่างไปจากการนำเอางานฉบับดั้งเดิมมาตัดต่อใหม่ให้แปลงเป็นหนังความยาวประมาณสองชั่วโมงกว่าๆแน่ๆว่า… รายละเอียดแล้วก็ความเข้มข้นต่างๆนั้น ย่อมถูกตัดทอนลดหายไปและไม่น่าประหลาดใจที่ในเรื่องความซาบซึ้งต่างๆความซาบซึ้ง ในแบบที่เคย ‘อิน’ ไปกับหนังนั้นบางครั้งอาจจะไม่เหลือเลย โดยยิ่งไปกว่านั้นความเกี่ยวเนื่องของสองเพื่อนตาย สี่เหวินเฉ (โจว หยุน ฟะ ในช่วงเวลาที่กำลังขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ของโทรทัศน์บี) กับติงลี่ (หลี่ เหลียง เหว่ย ที่โล่งเกิดขึ้นจากละครโทรทัศน์เรื่องนี้่) ที่สัมพันธ์ได้บางเบา
แต่กับบางแง่มุมอย่าง เรื่องพ่อแง่-แม่งอนของสี่ เหวิน เฉียง แล้วก็ฉิง ฉิง (เจ้าหย่าจือ) จัดว่าหนังฉบับรวบรัดฉบับนี้ยังเก็บเอาไว้ได้แล้วกับการชมในช่วงวัยที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ได้มองเห็นข้อเสียหลายอย่างของบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งความน่านับถือของสถานะการณ์ต่างๆที่ดูเหมือนจะคลี่คลายกันอย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนมาเป็นหัวหน้าของสี่เหวินเฉียง รวมถึงเงื่อนที่เกี่ยวโยงกับกองทัพประเทศญี่ปุ่น ที่มาแบบขาดๆหายๆถ้าเกิดตอนท้ายเรื่องราวในภาพรวมที่แข็งแรง น่าติดตาม การแสดงที่รับ-ส่งกันได้อย่างพอดี แล้วก็สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า ‘ยกทีม’ ก็มีกำลังเดินทางมากพอที่จะทำให้มอง
“เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ฉบับรวบรัด ฉบับนี้ได้สนุกสนาน ซึ่งก็จำต้องให้เครดิตซึ่งสามารถตัดต่อเก็บรวบรวมสถานะการณ์มาเล่าใหม่ได้แบบไม่เสียงเรื่องราวดั้งเดิมแต่ว่าก็น่าเสียดาย ที่ตัวเรื่องมิได้จบลงสมบูรณ์ในขณะสองชั่วโมงกว่าๆหากยังมีตอนต่อที่ยังเหลือ (ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่น้อย) และไม่มีให้ดูอีกต่างหาก ทำให้การคิดถึงอดีตกาลในคราวนี้ นอกเหนือจากที่จะรวบรัดตัดความแล้ว ยังปิดท้ายกันแบบสั้น เป็นเรื่องของการเรียกร้องหาอดีตที่ขาดมากมายเกินสุดท้าย
5 ศิลปินโด่งดังที่เคยเล่นบทเป็น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ซีรีส์ประเทศฮ่องกงสุดคลาสสิค
ที่ถูกจับเอามาสร้างใหม่หลายต่อหลายเวอร์ชั่น วันนี้พวกเราลองไปดู 5 ผู้แสดงตามเคยรับบทเป็น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เวอร์ชั่นไหนที่ถูกอกถูกใจผู้ชมเยอะที่สุด
1.โจวเหวินฟะเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ The Bund (1980)
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย THE LAST TYCOON (2012เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้รุ่นแรกที่สร้างเรื่องราวสุดคลาสสิคขึ้นหิ้ง กระทั่งเปลี่ยนเป็นเวทีแจ้งเกิดของศิลปินประเทศฮ่องกงระดับตำนาน อย่าง โจวเหวินฟะ ที่เล่นบทเป็น สี่เหวินเฉียง เปลี่ยนเป็นซีรีส์ที่บรรลุผลสำเร็จเป็นที่นิยมไปทั่วทวีปเอเชีย ก่อนที่โจวเหวินฟะจะกลับมารับบทบาทนี้อีกรอบในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี 2012 The Last Tycoon หรือชื่อภาษาไทยว่า เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย
2.เฉินจิ่งหงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Once Upon a Time in Shanghai (1996)
ภายหลังซีรีส์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 1980 บรรลุความสำเร็จ จึงมีการสร้างภาครีเมคขึ้นมาในปี 1996 ได้พระเอกประเทศฮ่องกงมีชื่อเสียงอย่าง เฉินจิ่งหง รับบทบาทเป็น สวี่เหวินเฉียง, หลินเจียต้ง เล่นบทเป็น แย้งลี่ พร้อมด้วยดารามีชื่ออย่าง เจิ้งเส้าชิว กับ เจิ่งอวี้หลิง มาร่วมแสดงด้วย
3.เลสลี่ จางเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เดอะมูฟวี่ Shanghai Grand (1996)
เลสลี่ จาง นักร้องดารามีชื่อที่ผลงานต่างๆของเขายังอยู่ในความทรงจำแฟนๆเสมอ รวมถึงการสวมบทเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์จอเงินด้วย Shanghai Grand เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เวอร์ชั่นปี 1980 โดยมีฉีเคอะเป็นผู้อำนวยการการผลิต พร้อมทั้งดาราหนังมีชื่ออย่างหลิวเต๋อหัว มารับบททเป็น ติงลี่ จนกระทั่งภาพยนตร์บรรลุผลสำเร็จเลื่องลือ
4.หวง เกลอหมิงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ : หักเหลี่ยมมังกร New Shanghai Bund (2007)
ผู้แสดงนำชายชาวจีนชื่อดังด้วยหน้าตาหล่อใสมีสไตล์ทำให้เขาได้รับบทเป็น สวี่เหวินเฉียง ในซีรีส์ New Shanghai Bund ที่นำเอาเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้กลับมาสร้างใหม่ให้คอซีรีส์จีนได้รับดูกันอีกครั้ง แถมหวงเกลอหมิง ยังได้โชวเสียงร้องในเพลงประกอบซีรีส์ Even If there is No Tomorrow เกาะติดคู่กับนักแสดงสาว ซุน ลี่ ด้วย
5.หวง ชิวเซินเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Lord of Shanghai (2015)
หวง ชิวเซิน หรือ แอนโธนี่ หว่อง ดาราชายคนประเทศฮ่องกงที่มีชื่อเสียงแล้วก็ส่งผลงานเยอะมากอย่างเรื่อง ซาลาเปาเนื้อคน The Ontold Story, สองคน สองคม Infernal Affairs และ เดอะมัมมี่ 3 The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor มารับบทเป็นมาเฟียผู้มีความอ่อนโยนอ่อนโยนนุ่มลึกในซีรีส์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Lord of Shanghai จากค่าย TVB พร้อมกับนักแสดงชื่อดังอย่าง ทิง เจิ้นเย่, หลีเย่าเสียง และก็ หม่ากัวหมิง
เสน่ห์ของหนังขาว-ดำ ที่หนังสีสันยังไงก็ให้มิได้
‘หนังขาวดำตายแล้ว’ บางบุคคลว่าไว้แบบงั้นเมื่อการมาถึงของฟิล์มถ่ายรูปสี ทำให้หนังขาวดำค่อยๆหายไปจากตลาด จนหนังโรงเดี๋ยวนี้แทบมีแม้กระนั้นหนังสีงามแจ่มใสให้พวกเราได้ดูกันแม้ว่าจะห่างหายไปจากจอเงินแต่หนังขาวดำกลับยังอยู่ในใจของคนอีกหลายๆคน ทั้งยังผู้ชมที่ยังค้นหาหนังคลาสสิกขาวดำมาดู และยังรวมไปถึงผู้สร้างผู้คนจำนวนมากที่เพียรพยายามฟื้นหนังขาวดำให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง พวกเราก็เลยอยากพาคนอ่านเข้าไปสัมผัส 7 สเน่ห์เฉพาะตัวของหนังขาวดำที่งานสีสวยแค่ไหน ก็ให้มิได้
เมคอัพแฟนซี ต้องดูผ่านจอทีวีถึงจะได้ลุคปกติย้อนกลับไปหลายทศวรรษก่อน คนไหนที่บังเอิญได้เข้าไปมองเห็นเบื้องหน้าเบื้องหลังการถ่ายทำหนังหรือละครขาวดำคงต้องตกใจเมื่อมีความเห็นว่าหน้าตานักแสดงที่มองสวยสดบนจอทีวีอาจจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยการระบายผิวเป็นสีฟ้าแล้วก็ทาปากสีเหลือง!ที่เป็นแบบงั้นเนื่องจากว่าหนังขาวดำก่อนศตวรรษที่ 20 มักถ่ายลงบนฟิล์มที่เรียกว่า Blue Sensitive Film คือฟิล์มถ่ายรูปที่มีความไวต่อเฉดสีฟ้าถึงสีม่วงสูง แต่ไม่ไวต่อเฉดสีเหลือง ส้ม และแดง ทำให้วัตถุโทนสีฟ้าจะแปลงเป็นโทนสีขาวสว่างบนหน้าจอ
ส่วนวัตถุที่มีสีเหลืองจนถึงแดงจะเปลี่ยนเป็นเฉดสีดำไปเลยด้วยเหตุนี้ หน้าผู้แสดงไม่ว่าจะอันเดอร์โทนเหลืองหรือชมพูก็ไม่รอดที่จะมีผิวเข้มขึ้นบนจอ ทางแก้จึงเป็นการลงแป้งหรือรองพื้นที่สีออกไปทางฟ้าเพื่อให้หน้าสว่าง ส่วนบริเวณที่อยากให้สีเข้มกว่าผิวหน้า ยกตัวอย่างเช่น ช่วงแก้มหรือคอนทัวร์ให้ใช้สีโทนเหลืองแต้ม ส่วนรอบๆปากถ้าหากอยากได้ลุคธรรมชาติก็ควรที่จะใช้ลิปสีเหลือง แต่ถ้าเกิดปรารถนาลุคที่มองเข้มขึ้นก็ใช้สีแดงไปได้เลยโชคดีที่ความยากแค้นของการเสริมสวยอย่างงั้นค่อยๆจางหายไปเมื่อหลังสมัย 1920s มีการพัฒนาฟิล์มถ่ายรูปขาวดำที่ไวต่อเฉดสีต่างๆเท่าๆกัน (panthochromatic film) ทำให้เหล่านักแสดงไม่ต้องมีหน้าสีฟ้ามาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อหนังร้ายแรงเหลือเกิน บางทีอาจจะดีมากกว่าถ้าแปลงเป็นขาวดำแน่ๆว่าภาพที่ไม่มีสีสันเป็นข้อเสียของหนังขาวดำสำหรับบางบุคคล ถึงอย่างงั้น ภาพที่มีแค่เฉดสีขาวไปจนถึงดำนี้เปลี่ยนไปเป็นจุดเด่นในบางครั้ง เมื่อหนังมีการเลือดตกยางออกแบบหนักข้อ อาทิเช่นหนังเรื่อง Psycho ของ Alfred Hitchcock ที่มีฉากนองเลือดในห้องสุขาอันลือลั่นกระทั่งเขาเลือกที่จะทำหนังออกมาเป็นขาวดำ ข้างหลังโดนวิภาควิจารณ์บ่อยครั้งว่ามันดูแรงเหลือเกิน
(หากแม้บางคนจะเห็นว่าเหตุผลที่แท้จริงบางครั้งอาจจะเป็นการลดต้นทุนของหนังมากยิ่งกว่า)เรื่องน่าดึงดูดระหว่างที่กำลังถ่ายทำฉากนั้นเป็นฮิทช์ค็อกพบว่าน้ำสีแดงกลับมองสีอ่อนเหลือเกินจนถึงไม่ราวกับเลือดเมื่ออยู่บนหน้าจอขาวดำเขาก็เลยใช้ช็อกโกแลตไซรัปแบรนด์บอสหรูหราแทน เบื้องหลังฉากเลือดสาดนั้นก็เลยไม่ได้สยองขวัญแต่แปลงเป็นอบอวลด้วยกลิ่นหวานหอมของซอสช็อกโกแลตแทน
Mad Max: Fury Road เคยเกือบได้ฉายในสีขาวดำหนังขาวดำอาจฮอตฮิตสู้หนังสีสันผ่องใสไม่ได้ในขณะนี้ (หรือเรียกว่าทุกวันนี้มีหนังที่ทำเป็นสีขาวดำออกมานับเรื่องได้เลยดีมากยิ่งกว่า) ถึงถ้าอย่างนั้นก็ยังมีผู้กำกับหลายท่านที่คลั่งไคล้ในความคลาสสิกของหนังวินเทหน้าจอย่าง George Miller ผู้กำกับเรื่อง Mad Max: Fury Road (2015) ที่มีไอเดียคุ้มดีคุ้มร้าย
ว่าจะสร้างภาพยนตร์หัวข้อนี้ออกมาในสีขาวดำแน่นอนว่าหัวข้อนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับหนังสตูดิโอทุนยักษ์ทำให้ไม่ลเลอร์ยอมแพ้ทำหนังออกมาเป็นภาพสีเพื่อฉายในโรง (ซึ่งเท่านี้ก็กวาดเงินแล้วก็เข้าชิงรางวัลไปมากมายแล้ว) ถึงอย่างงั้นความอยากได้ของผู้กำกับวัย 72 ก็สำเร็จในที่สุดโดยในดีวีดีบลูเรย์ของ Mad Max: Fury Road นั้นมีอีกทั้งหนังเวอร์ชั่นภาพสีแล้วก็ขาวดำที่มิลเลอร์พูดว่า “เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของหนังหัวข้อนี้เป็นตอนเป็นสีขาวดำ แต่ในยุคนี้คนก็เก็บหนังขาวดำไว้ให้หนังโป๊ตแค่นั้นแหละ”
กลับสู่หน้าหลัก https://hobilobby.com