The Bund (1983) พากษ์ไทย
The Bund (1983) พากษ์ไทย เรื่องย่อ : สวี่เหวินเฉียง (โจวเหวินฟะ) เดินทางมาแสวงโชคในเซี่ยงไฮ้ ได้เจอกับท้วงติงลี่ (หลี่เหลียงเหว่ย) แล้วก็ร่วมกันสร้างอาณาจักรผู้ร้ายในช่วงค.ศ. 1920 สมัยของสาธารณรัฐจีน แต่ทั้งสองเองก็ต้องพบเจอปัญหารักสามโศกสลดกับฟ่งชิงชิง (เจ้าหย่าจือ) เช่นกัน เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เป็นละครทีวียอดนิยมสูงมากมายจนกระทั่งมีการทำต่อมาอีกหลายเวอร์ชัน ภาพยนตร์ฉบับนี้ใช้ดาราชุดเดียวกับต้นฉบับอันแสนลือลั่น ถึงแม้เนื่องจากว่ามันเป็นหนังสร้างฉายโทรทัศน์และเก่ามากไม่น้อยเลยทีเดียว ก็จะมีความสะดุดเวลาเปลี่ยนฉากเนื่องจากว่าดนตรีไม่สม่ำเสมอ โปรดัคชันก็มองแห้งแล้งชอบกล หนังเล่าของสี่เหวินเฉียง (โจวเหวินฟะวัย 28) ที่ค่อยๆ The Bund (1983) ไต่เต้าในวงการผู้กุมอำนาจในเซี่ยงไฮ้ เขาได้ช่วยท้วงติงลี่ (หลี่เหลียงเหว่ย) เอาไว้ มีความเกี่ยวข้องที่ดีต่อกันแม้กระนั้นก็จะต้องมามีความขัดแย้งเมื่อทั้งคู่ชอบเพศหญิงผู้เดียวกันคือฟ่านฉิงฉิง (แรงวหย่าจือ)ถ้าหากเป็นคนยุค 80’s แล้วกล่าวถึงสิ่งที่มอง ได้มองเห็นบนจอโทรทัศน์ สิ่งหนึ่งที่หนีไม่พ้นก็คือ เรื่องราวของละครทีวีหัวข้อต่างๆจากประเทศฮ่องกง โดยเฉพาะของค่ายทีวีบี ที่มีงานคลาสสิคมากให้จดจำ รวมทั้งหนึ่งในปริมาณซึ่งก็คือ “The Bund”
สเหน่ห์หนังขาวดำ
สุนทรียะผ่านภาพขาวดำสิ่งที่มิลเลอร์พูดไม่เกินความจริงนักเพราะว่าเดี๋ยวนี้หนังหลายเรื่องก็ทำภาพเป็นขาวดำเพื่อสุนทรียะจริงๆดังเช่น หนังเรื่อง The Artist (2011) ที่เล่าเรื่องราวของดาราในสมัย 1920s ซึ่งหนังในตลาดล้วนยังเป็นสีขาวดำอยู่, Frances Ha (2012) ของผู้กำกับ Noah Baumbach หรือแม้กระทั้ง Frankenweenie (2012) หนังแอนิเมชั่นของผู้กำกับสายดาร์กอย่าง Tim Burton ก็ยังทำออกมาเป็นขาวดำเว้นแต่สุนทรียะแล้ว วิธีการทำหนังขาวดำยังเพื่อสื่อความหมายที่เหนือกว่าเนื้อหาในหนัง ดังเช่นว่า เพื่อเป็นการทริบิวต์ให้กับหนังคลาสสิกหรือเพื่อทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังเพิ่มมากขึ้นด้วย อย่างเรื่อง Nebraska (2013) หนังดราม่าฝีมือของ Alexander Payne
ก็ทำภาพเป็นสีขาวดำเพื่อเน้นพลังอันยิ่งใหญ่ของวิวในเรื่องแล้วก็เพื่อดึงผู้ชมให้มีความกลัดกลุ้มไปกับเรื่องราวไร้สีสันด้วย อีกทั้งหนังขาวดำยังมีสุนทรียะอีกอย่างคือการที่มันสร้างภาพที่ดูไม่จริงแล้วก็ ‘เสมือนฝัน’ ให้กับโลกจริงเปี่ยมสีสันรอบข้างเราจนไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจำนวนมากจะหลงสเน่ห์ของหนังขาวดำอย่างถอนตัวไม่ขึ้นขาวดำจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสไตล์สไตล์หนังขาวดำที่ผู้กำกับหลายท่านในยุคนี้ต่างทริบิวต์ให้คือหนังฟิล์มถ่ายรูปนัวร์ (Film Noir) ที่เกิดขึ้นในสมัยหนังขาวดำ โดยคำว่า Noir ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าดำ รายละเอียดของหนังชนิดนี้จะเน้นเรื่องความดาร์ก
ด้านมืดในจิตใจของคนเรา หรือความหม่นหมองเศร้าทั้งหมดซึ่งเข้ากันได้ดีกับภาพถ่ายขาวดำ หรือแม้จะมีสีในวันหลังก็ยังเน้นสีที่ดูทึบทึมให้ดูสิ้นหวังอยู่ดีหนังอีกจำพวกที่ชอบทำเป็นภาพขาวดำเป็นแนวหนังคัลต์ (Cult Film) หรือหนังนอกกระแสรายละเอียดสุดทางสำหรับคนดูเฉพาะกรุ๊ป ซึ่งผู้ผลิตสมัยเก่าที่มีทุนจำกัดมักทำหนังคัลต์เกรดบีสีขาวดำด้วยเหตุว่ามันถูกกว่า ส่วนหนังในสมัยพวกเราๆที่ต้องการทริบิวต์ให้กับหนังคัลต์ ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง Ed Wood (1994) ก็เลยเลือกทำภาพเป็นสีขาวดำเพื่อย้ำสไตล์หนังคัลต์ทุนต่ำนั่นเอง
พื้นที่สำหรับหนังทุนต่ำเป็นที่รู้กันว่าหนังขาวดำอยากงบประมาณน้อยกว่าหนังที่มีสี โดยในอดีตกาลเป็นด้วยเหตุว่าฟิล์มสีแพงแพงกว่าฟิล์มขาวดำแถมยังเกิดอาการสีฟั่นเฟือนได้ง่ายอีก ส่วนในปัจจุบันการถ่ายเป็นขาวดำนั้นเป็นเพราะถ้าเกิดถ่ายมาสวยและจากนั้นก็สามารถข้ามขั้นตอนกระบวนการทำสีหนังให้มีความงดงามไปได้เลย (แต่ว่าจริงๆคนในวงการหนังก็พูดว่าถ้าหากเอาไปเกรดมันก็สวยกว่าอยู่ดีโน่นแลด้วยเหตุว่าสามารถแก้ได้ทั้งยังเรื่องแสงเงารวมทั้งมิติของภาพ) อีกทั้งฉากรวมทั้งพร็อพก็ไม่ต้องมีความคราฟต์ สีงาม หรือเหมือนจริงมากก็ได้เพราะเหตุว่าภาพถ่ายขาวดำจะช่วยอำพรางความไม่สมจริงสมจังให้เองแสงสว่างเงายังเป็นสิ่งที่ช่วยแอบซ่อนความไม่เรียบร้อยของฉากในหนังขาวดำได้เพราะหนังขาวดำมักมีภาพที่คอนทราสต์จัด
โดยเราสามารถจัดแสงให้ส่วนขอบฉากที่อาจเปรอะไปบ้างตกอยู่ในเงาซึ่งเมื่อมองผ่านหน้าจอแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแก่ถึงดำจนกระทั่งข้อผิดพลาดหายวับไปเลยจากหนังขาวดำสู่สีสันนับพันในปัจจุบันหลายท่านบางทีอาจจินตนาการว่าเมื่อมีฟิล์มสีออกมาในตลาดแล้วจะเป็นที่ชื่นชอบในทันที แต่ว่าเอาเข้าจริงในยุคแรกฟิล์มสีนั้นมีราคาแพงมาก ทั้งได้โอกาสสีเพี้ยน ฟิล์มถ่ายรูปขาวดำจึงยังครองความนิยมชมชอบอยู่พักใหญ่
จนตราบเท่าฟิล์มถ่ายรูปสีมีคุณภาพดีขึ้นและก็ราคาเริ่มถูกลงเรื่อยๆหนังขาวดำจึงค่อยๆหายไปตามเวลาสิ่งหนึ่งที่การันตีว่าการแปลงผ่านจากการใช้ฟิล์มถ่ายรูปขาวดำมาเป็นฟิล์มสีนั้นไม่ใช่เรื่องทันทีเพราะในตอนปี 1940 จนถึงปี 1966 รางวัลสำหรับงานอาร์ตไดเรคชั่นในภาพยนตร์จากเวที Academy Award นั้นยังมีให้ทั้งยังหนังสีแล้วก็หนังขาวดำ ก่อนที่จะรวมกันอย่างทุกวี่ทุกวันในที่สุดแต่ถึงรางวัลสำหรับหนังขาวดำโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะจากไปพร้อมๆกับการเลือนหายของหนังเหล่านี้ในโรง สเน่ห์ของหนังขาวดำก็ยังส่งผลให้คนทำหนังบางกรุ๊ปหลงใหลจนกระทั่งคำบอกเล่าที่ว่า ‘หนังขาวดำตายแล้ว’ ไม่น่าจะเป็นจริงได้ในเร็ววันอย่างไม่ต้องสงสัย
การเดินทางของแวดวงหนังไทยในต่างเมือง : รู้จัก ภาพยนตร์จากผู้กำกับไทยที่ได้ไปเวทีโลก
ภายหลังจากกระแส Long Live Cinema ของ อภิชาติตระกูล วีระเศรษฐกุลที่รายงานในรอบพรีเมียร์หนังเรื่องใหม่ของเขาอย่าง Memoria ไปจนกระทั่งการรับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ของเขา ทำให้คนไม่ใช่น้อยมีความรู้สึกว่า ยังส่งผลงานภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่องที่ได้ไปเผยตัวไหนต่างประเทศ เดินสายพบปะสนทนาคนประเทศอื่นเยอะแยะ แม้ว่าจะชักชวนให้คิดถัดไปอีกว่า ขณะที่ภาพยนตร์จากผู้กำกับไทยไปเอารางวัลจากต่างแดนได้มากมาย
แต่ว่ากระแสแวดวงหนังในเมืองไทยกับซบเซาและเงียบเหงา ผู้กำกับแล้วก็คนทำงานในอุตสถ้าเกิดรรมหนังไทยยังคงมิได้รับการผลักดันและส่งเสริมจากทางภาครัฐ ปัญหาด้านการซัพพอร์ตและดูแลคนทำหนังยังคงเลือนลาง เราก็เลยอยากชวนให้คนไม่ใช่น้อยได้รู้จะภาพยนตร์ไทยที่ไปเติบโตแล้วก็เดินทางในต่างประเทศของปีนี้ และก็จะดีขนาดไหน ถ้าเมืองแลเห็นจุดสำคัญของแวดวงหนังไทย ที่คนภายในประเทศมีความสามารถเยอะมาก ขาดแต่เพียงการผลักดันและสนับสนุนจากรัฐเท่านั้น
One for the Road – นัฐวุฒิ พูนคนกล้า
(รางวัล World Dramatic Special Jury Award: Creative Vision จากเทศกาลประกวดภาพยนตร์ระดับนานาชาติซันแดนซ์ 2021)เมื่อต้นปีเราอาจได้เห็นกระแสของ ‘One for the Road’ ที่ควบคุมโดย นัฐวุฒิ พูนคนกล้า ซึ่งไปเปิดตัวด้วยการฉายวันแรกที่ เทศกาลประกวดภาพยนตร์ระดับนานาชาติซันแดนซ์ 2021 ประเทศอเมริกา ก่อนที่จะครอบครองรางวัล World Dramatic Special Jury Award: Creative Vision มาครอบครองโดยภาพยนตร์หัวข้อนี้ได้ยังได้จับมือกับ หว่อง กาไว ที่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการผลิต รวมทั้งได้นักแสดงดาวรุ่งอีกทั้ง ต่อ ธนโลก, ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ และ วี วีโอเล็ต มาร่วมเป็นตักละครที่สร้างความน่าดึงดูดใจให้กับหนังได้อย่างดีเยี่ยมหนังเรื่องนี้เล่าถึง บอส (ต่อ ธนโลก)
บาร์เทนเดอร์หนุ่มมีเสน่ห์สถานที่ทำงานในอเมริกา และชีวิตกำลังไปอย่างงดงาม ตราบจนกระทั่งวันหนึ่ง อู๊ด (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์) เพื่อนเก่าที่ห่างเหินกันไป ได้โทรมาหาและก็บอกว่าเขากำลังจะตายด้วยโรคมะเร็งระยะในที่สุด เลยอยากให้บอสกลับมาประเทศไทยเพื่อร่วมเดินทางย้อนความทรงจำด้วยกัน
รวมถึงเป็นการเดินทางเพื่อส่งของคืนให้บรรดาคู่รักเก่าของอู๊ดด้วย แต่ของชิ้นสุดท้ายที่อู๊ดจะต้องเอาไปคืนนั้น เป็นของชิ้นสำคัญที่อาจจะส่งผลให้ความเกี่ยวเนื่องของเขาทั้งสองคนง่อนแง่นหนังประเด็นนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากรอบฉายในเทศกาลเป็นอันมาก ในด้านของอารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นตลอดทั้งเรื่อง พล็อตที่พลิกไปพลิกมาอย่างน่าสนใจ รวมถึงเสน่ห์ของตัวละครที่แสดงได้อย่างดีร่างทรง
บรรจง ปิสัญธนะฉันล
(รางวัล Best of Bucheon ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูชอน 2021) ‘คนทรง’ ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใหม่จาก บรรจง ปิสัญธนะฉันล กลายเป็ที่เอ่ยถึงอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ด้วยเทรลเลอร์ที่ตัดต่อได้หลอนสุดๆแถมยังยึดโยงกับความเชื่อถืองของคนไทย ที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยก็เติบโตมาพร้อมๆกับความเลื่อมใสเหล่านั้น นำไปสู่การแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากมายก่ายกองซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไปเปิดตัวครั้งแรกที่
เทศกาลภาพยนตร์นานาประเทศปูชอน 2021 และขายตั๋วหมดข้างใน 16 วินาที ทั้งยังกลายเป็นหนังอันดับแรกๆของ box office ที่เกาหลีอีกด้วย รวมถึงมีข่าวถึงขนาดว่าต้องเปิดโรงรอบพิเศษที่เปิดไฟในโรงหนังเพื่อลดความหวาดหลัวในการดูภาพยนตร์หัวข้อนี้ และล่าสุดก็ได้รับรางวัล Best of Bucheon ในเทศกาลภาพยนตร์นานาประเทศปูชอน 2021 ไปเป็นที่เรียบร้อยโดยภาพยนตร์ประเด็นนี้ ได้ ทุ่งนา ฮง จิน ผู้กำกับชื่อดังของเกาหลีมาเป็นผู้กำกับร่วมด้วย ซึ่งเรื่องราวของภาพยนตร์จะบรรยายถึงการสืบสานผู้สืบสกุลร่างงทรงในครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Memoria – อภิชาติวงศ์วาน วีระเศรษฐกุล
(รางวัล Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2021)วินาทีนี้ยังขาดผู้กำกับมีชื่ออย่าง อภิชาติโคตร วีระเศรษฐกุล ไปไม่ได้ ภายหลังเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่าง Memoria ที่บางครั้งอาจจะมิได้เป็นภาพยนตร์ไทยโดยตรง แต่ว่าก็ทำให้เห็นความสามารถของผู้กำกับหนังอย่าง อภิชาติโคตร ที่ได้รับเสียงปรบมือนานกว่า 14 นาทีจากรอบพรีเมียร์ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2021 รวมทั้งยังได้รางวัล Jury Prize (ขวัญใจผู้ตัดสิน)
มาครอบครองอย่างงดงามโดย Memoria ยังได้ดาราหนังมากฝีมืออย่าง ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) มารับบทนำ ซึ่งคุณเอ่ยปากผ่านบทสัมภาษณ์ในสื่อต่างประเทศว่าการแสดงหนังกับ อภิชาติพงศ์พันธุ์ นั้นเสมือนการได้เติบโตรวมทั้งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปด้วยกัน ยิ่งกว่านั้นยังมีนักแสดงมีชื่อเสียงอีกคนจำนวนไม่น้อยดังเช่นว่า Jeanne Balibar ดาราชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส รวมถึง ผู้แสดงในของโคลอมเบีย อย่าง Juan Pablo Urrego และก็ Elkin Diaz รวมทั้งแน่ๆว่ายังได้ สยมภูเขา มุกดีพร้อม มาเป็นผู้กำกับภาพดังเช่นเดิม
Memoria เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึง เจสสิก้า (Tilda Swinton) ผู้หญิงอังกฤษ ที่เดินทางไปโคลอมเบีย เพื่อยอดเยี่ยมน้องสาว ก่อนที่จะได้ยินเสียงปริศนาที่ดังข้างในหัวของคุณ แปลงเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางตามหาเสียงนั้น
พญาโศกพลัดพรากค่ำ – ไทกิ อำนาจพิศิษฐ์
(รางวัล FIPRESCI Award จากเทศกาลหนังนานาชาติร็อตเตอร์ดาม 2021)อีกหนึ่งหนังไทยที่เดินทางไปเอารางวัลจากต่างประเทศได้คือ ‘พญาโศกพลัดพรากค่ำ’ ควบคุมโดย ไทกิ อำนาจพิศิษฐ์ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไปฉายที่ เทศกาลหนังนานาประเทศร็อตเตอร์ดาม 2021 เนเธอร์แลนด์ แล้วก็ครอบครองรางวัล FIPRESCI Award มาครอบครองไทกิ ศักดิ์พิศิษฐ์ เป็นนักแสดงสถานที่ทำงานแนววิดิโออาร์ตสะท้อนภาพการบ้านการเมืองไทย
โดยเขาเคยส่งผลงานในชื่อ ‘ภูเขาไฟพิโรธ’ A Ripe Volcano (2011) ซึ่งเป็นนิทรรศการ installation art ที่บันทึกความรู้สึกเกี่ยวกับการรัฐประหารในปี พุทธศักราช 2549 ในส่วนของ พญาโศกจากไปเย็น เป็นภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกของเขา ในภาพยนตร์พูดถึง ครอบครัวหนึ่งที่ได้รับผลพวงจากสถานะการณ์ด้านการเมืองตั้งแต่สมัย 14 ตุลา 2516
มาจนกระทั่งการรัฐประหาร พ.ศ. 2549 ผ่านตัวละครหญิงสาวสามรุ่นในครอบครัว ซึ่งเป็นเหมือนการบันทึกความรู้สึก ความนึกคิด และก็ทัศนคติของตัวผู้ดูแลที่มีต่อเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมกัน โดยหนังฉายในต้นแบบภาพขาว-ดำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดารานำโด่งดังอย่าง โดนัท-จิตนันท์ ดีเลิศวงศ์สกุล มาเป็นตัวละครหลัก รวมไปถึง ชลัฏ ณ จังหวัดสงขลา รวมทั้ง สุนิดา รัตนากร
กลับสู่หน้าหลัก https://hobilobby.com